ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยา M.5

ในอุตสาหกรรมการผลิตแอมโมเนีย (NH₃) ต้องเติม "เหล็ก" ลงไปเล็กน้อย เพื่อช่วยให้ปฏิกิริยาเกิดขึ้นได้

แอมโมเนียมซัลเฟต เมื่อเติมลงเพลิงไหม้ สามารถทำให้การเผาไหม้ช้าลงได้

หินปูนเป็นก้อน ๆ ทำปฏิกิริยากับกรดเอทาโนอิกได้ช้า แต่เมื่อบดเป็นผงแล้วให้ทำปฏิกิริยากับกรดชนิดเดิมจะเกิดปฏิกิริยาได้เร็วกว่า

ฝอยเหล็กกับชิ้นเหล็กน้ำหนักเท่ากัน เมื่อทำปฏิกิริยากับสารละลาย HCl ความเข้มข้น 2 mol/L พบว่าฝอยเหล็กเกิดปฏิกิริยาได้เร็วกว่า

หมูสับเมื่อนำไปปรุงอาหาร จะสุกเร็วกว่าหมูชิ้น

ปฏิกิริยาระหว่าง CaCO₃ กับกรดแอซิติก เมื่อเติม NaF ลงไปทำให้เกิดฟองแก๊สช้าลง

เมื่อมีเชื้อโรคเข้าจู่โจมร่างกาย ร่างกายต้องทำปฏิกิริยาเคมีเพื่อให้เกิดพลังงานไปสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อต่อต้านเชื้อโรค ถ้าทำปฏิกิริยาตามปกติ กว่าจะเกิดพลังงานเพื่อไปต่อสู้กับเชื้อโรคอาจต้องใช้เวลานานกว่า 3 เดือน แต่หากร่างกายมี “เอนไซม์” เป็นตัวช่วย ปฏิกิริยาจะเกิดเร็วมากในเวลาเพียง 1 นาทีแรก ก็สามารถสร้างพลังงานไปต่อสู้กับเชื้อโรคได้แล้ว

เนื้อหมูที่เอาไว้ด้านนอก จะเน่าเสียเร็วกว่าเนื้อหมูที่เอาไว้ในตู้เย็น

การเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน จะทำให้ย่อยได้ง่ายขึ้น

กลีเซอรอล ทำให้ปฏิกิริยาการสลายตัวของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ช้าลง

เชื้อเพลิงที่ผสมอยู่กับออกซิเจนจะยังไม่ติดไฟ จนกว่าจะได้รับ "ประกายไฟ"

กรด HCl ทำปฏิกิริยากับโลหะแมกนีเซียมจะเกิดฟองแก๊ส

แต่เมื่อผสมน้ำเปล่าลงไปด้วย จะทำให้เกิดฟองแก๊สช้าลง

เมื่อวางโลหะ A ในอากาศ จะทำปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจนอย่างช้าๆ

แต่ถ้านำโลหะ A ไป "เผา" จะเกิดการลุกไหม้อย่างรวดเร็ว และได้ออกไซด์ของโลหะ A ออกมา

กรดออกซาลิกเข้มข้น 0.5 M ทำปฏิกิริยากับ KMnO₄ ใช้เวลา 2 นาที

แต่เมื่อเปลี่ยนกรดออกซาลิกเป็น 1 M ทำปฏิกิริยาแบบเดิม ใช้เวลาเพียง 1 นาที

โซเดียมไทโอซัลเฟต 80% ทำปฏิกิริยากับ HCl ได้เร็วกว่าโซเดียมไทโอซัลเฟต 60%